หวั่นเปิดอาเซียนแพทย์ไทยสมองไหล บังคับนศ.ฝึกเข้มภาษาอังกฤษ

หวั่นเปิดอาเซียนแพทย์ไทยสมองไหล เหตุค่าตอบแทน-งบฯวิจัยน้อย หนุนแยกบุคลากรสาธารณสุขพ้น ก.พ.
UploadImage
ศ.คลินิก นพ.อุดม คชินทร คณบดีคณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล ให้
สัมภาษณ์ภายหลังเป็นประธานเปิดโครงการ “ศิริราชเปิดประตูสู่อาเซียน” ที่อาคาร 100 ปี สมเด็จพระศรีนครินทร์ รพ.ศิริราช ว่า การเข้าสู่ประชาคมอาเซียนในปี 2015 ปัญหาหนึ่งที่จะเกิดแน่นอนกับวงการแพทย์ไทยคือสมองไหล โดยเฉพาะกลุ่มแพทย์ที่เชี่ยวชาญ มีความรู้ ความสามารถ ทั้งแพทย์เฉพาะทาง แพทย์ในห้องปฏิบัติการ รวมถึงพยาบาลห้องไอซียู พยาบาลผ่าตัด พยาบาลส่องกล้อง เนื่องจากมาตรฐานการแพทย์ไทยเป็นที่ยอมรับและเป็นที่ต้องการของนานาประเทศ ไม่น้อย ปัจจัยหนึ่งเป็นเพราะค่าตอบแทนแพทย์ไทยอยู่ในระดับที่ต่ำมาก หากเทียบกับประเทศมาเลเซีย สิงคโปร์ ที่สูงกว่าไทย 2 เท่า จึงน่าจะปรับค่าตอบแทนให้ใกล้เคียงประเทศอาเซียน และอีกปัจจัยที่สำคัญคือ งบวิจัยที่มหาวิทยาลัยแต่ละแห่งได้รับน้อยมาก รัฐบาลต้องปรับความคิดใหม่ เพราะการรักษาพยาบาลจะพัฒนาได้ต้องอาศัยองค์ความรู้ซึ่งเกิดจากการศึกษา วิจัย ไม่เช่นนั้นเราจะล้าหลังเพราะมัวแต่หยิบยืมองค์ความรู้จากผู้อื่น
 
ศ.คลินิก นพ.อุดมกล่าวอีกว่า สำหรับนักเรียนแพทย์ไทย ตนเชื่อว่าในด้านวิชาการและความสามารถไม่ด้อยไปกว่าประเทศอาเซียนเช่นกัน แต่เรามีจุดอ่อนคือเรื่องภาษาอังกฤษที่ใช้ในการสื่อสาร ขณะที่มาเลเซีย สิงคโปร์ อินโดนีเซีย มีทักษะภาษาอังกฤษที่ดีกว่า อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ศิริราชได้มีการพัฒนาภาษาอังกฤษให้กับนักเรียนแพทย์ จากเดิมที่คิดว่าจะเปิดหลักสูตรนานาชาติ แต่วิธีดังกล่าวสามารถรับนักเรียนได้เพียงปีละไม่เกิน 60 คน จากปัจจุบันที่เรารับนักเรียนแพทย์ปีละ 300 คน จึงเปลี่ยนกลยุทธ์ใหม่เป็นกำหนดให้ภาษาอังกฤษเป็นวิชาภาคบังคับ
 
ศ.คลินิก นพ.อุดมกล่าวถึงกรณีที่สหพันธ์ผู้ปฏิบัติงานด้านการแพทย์และสาธารณสุขแห่ง ประเทศไทย เสนอกฎหมายให้การบริหารบุคลากรสาธารณสุขแยกจากคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) ว่า เห็นด้วยหากบุคลากรทางการแพทย์จะแยกออกจากโครงสร้าง ก.พ.เหมือนศาล จะเกิดประโยชน์ระยะยาวกับการพัฒนาบุคลากรสาธารณสุข ช่วยแก้ปัญหาค่าตอบแทน และป้องกันปัญหาสมองไหลได้