ชีวิตเด็ก ม.ปลาย


ลูก สาวผม กำลังจะจบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6  และขณะนี้กำลังเครียดกับการสอบเข้าเรียนต่อในคณะยอดนิยมของมหาวิทยาลัย ดังต่างๆของรัฐ...ตามที่เธอใฝ่ฝัน 
ภาพจำลองประกอบบทความ
ที่มา :
http://www.rd1677.com/backoffice/PicUpdate/62409.jpg
?ผม เห็นเธอเครียดมาตั้งแต่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4  แล้ว กับการต้องรักษาเกรดเฉลี่ยทั้ง 3 ปี (GPA) อีกทั้งยังต้องเครียดกับการสอบความถนัดทั่วไป (GAT) และความถนัดเฉพาะทาง (PAT)   อีกไม่รู้กี่ครั้งเพื่อจะได้เอาคะแนนที่สูงสุดมาคำนวณ และยังมีคะแนนที่ทิ้งไม่ได้อีกเช่นกันคือ ONET ....ผมรู้สึกเครียดแทนเธอมาก...ไหนเขาบอกว่า เด็กๆ ควรเรียนรู้อย่างมีความสุข...
ผมเห็น เธอและเพื่อนๆ ต้องเสียเงิน..เสียเวลา..เรียนกวดวิชากับติวเตอร์ดังๆ ทั้งราชบุรีและกรุงเทพฯ ในช่วงเย็นบ้าง ช่วงเสาร์ - อาทิตย์บ้าง   ยิ่งช่วงปิดเทอมแล้วเด็กๆ เหล่านี้ ไม่ได้อยู่บ้านอยู่ช่องกันหรอกครับ หายตัวเข้าไปเรียนกวดวิชาในกรุงเทพฯ กันหมด  เหตุผลง่ายมาก เพราะหากไม่เรียน..คงสอบเข้าในคณะยอดนิยมของมหาวิทยาลัยดังต่างๆ ของรัฐ..ไม่ได้แน่...ชีวิตของเด็ก ม.4-6 สมัยนี้...มันช่างน่าสงสารจริงจริง...(ไม่ได้หมายถึงทุกคนนะครับ เพราะยังมีกลุ่มเด็ก ม.4-6 ที่ไม่เอาอะไรเลย..ก็มี) 
ลูกสาวผมมีความใฝ่ฝันที่จะเป็นหมอฟัน...ก็เลยไปสมัครสอบตรงของ กลุ่มสถาบันแพทย์ศาสตร์แห่งประเทศไทย(กสพท.) เพื่อเข้าเรียนในคณะแพทย์ศาสตร์ของมหาวิทยาลัยต่างๆ  อีก คราวนี้ยิ่งไปกันใหญ่ วันๆ คลุกอยู่แต่ในห้อง...หาซื้อหนังสือเกร็งข้อสอบ กสพท. มาอ่านอีกจำนวนหลายเล่ม..ทั้งๆ ที่หนังสือจากโรงเรียนกวดวิชาชื่อดัง และหนังสือติวข้อสอบ ONET, GAT, PAT ก็ยังอ่านไม่หมดเลย...ยิ่งเวลาไปสอบ กสพท.จริงๆ รู้สึกหนาว..เห็นมีแต่เด็กท่าทางเก่งๆ ทั้งนั้นมาจากทั่วประเทศ (แล้วเราจะสู้เขาได้ไหมเนี่ย..)
ในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมานี้ เธอและเพื่อนๆ ต้องเที่ยวเหมารถวิ่งไปสอบตรงตามคณะยอดนิยมของมหาวิทยาลัยดังต่างๆ ที่เปิดสอบกันเป็นจ้าละหวั่น..บางคนก็ได้ตามที่ใฝ่ฝัน บางคนก็ผิดหวัง..ต้องรอยื่นแอดมิชชั่นกลาง....ซึ่ง ต้องกลับมาลุ้นกับการสอบ GAT/PAT อีกครั้งเผื่ออาจได้คะแนนสูงขึ้น รวมทั้งต้องทำคะแนนสอบ ONET ในแต่ละวิชาให้ดีอีกด้วยเพราะมีผลในการคำนวณเพื่อยื่นแอดมิชชั่นกลางทั้ง สิ้น
ผมลอง เรียบเรียงดูว่า การเรียนของลูกสาวผม ในช่วงชั้น ม.4-ม.6 นี้มีอะไรบ้าง? ที่ผมต้องจ่ายเพิ่มเติมจากการเรียนการสอนตามปกติในโรงเรียน
  • ค่าเรียนกวดวิชา ซึ่งจำไม่ได้ว่ากี่สถาบัน กี่วิชา เรียนกันทั้งในช่วงเย็น เสาร์-อาทิตย์ และช่วงปิดเทอม (ยิ่งอาจารย์ดังดัง..ก็ยิ่งแพง)
  • ค่าสมัครสอบ GAT/PAT (จำไม่ได้แล้วว่ากี่ครั้ง ???? เพื่อจะได้เอาคะแนนที่ดีที่สุด มาคำนวณ)
  • ค่าซื้อหนังสือเกร็งข้อสอบทั้งหลายทั้ง GAT,PAT,ONET,กสพท.ฯลฯ อีกจำนวนหลายเล่ม(จำไม่ได้) 
  • ค่าสมัครสอบตรง ตามมหาวิทยาลัยและสถาบันต่างๆ ซึ่งต้องเสียทั้งเงิน เสียทั้งเวลา ไหนจะค่าพาหนะ ค่าอาหาร ค่าเดินทาง ค่าที่พัก ฯลฯ
  • ค่าความเครียดของตัวผมเอง รวมทั้งตัวลูกสาวด้วย (อันนี้ประเมินราคาไม่ได้เลยครับ)
ลูกสาวผมเอ่ยปากบอกผมว่า "เธออยากจะเขียนหนังสือเล่มหนึ่งชื่อว่า "ชีวิตของเด็กมัธยมปลาย" ซึ่ง เธออยากจะบรรยายถึงความเครียด ความกลัว(ที่จะผิดหวัง) ความเบื่อหน่ายของการเรียนในโรงเรียนที่ไม่สนองตอบ ต่อการเรียนที่สูงขึ้น  ความเหนื่อยที่ต้องตะเกียกตะกายไปกวดวิชาเพื่อมาสอบ แข่งขัน ฯลฯ"  ...ผมก็ให้กำลังใจเธอว่า...ลองเขียนดูก็ดีนะ...บางทีผู้หลักผู้ใหญ่ที่เกี่ยวข้องเขาจะได้เข้าใจบ้าง... 
ความเครียดของเด็กจะจบ ม.6
ผมลอง เรียบเรียงเรื่องราวที่ลูกสาวของผม ต้องทำต่อจากนี้ไป มาเป็นตัวอย่างว่า เธอจะต้องวางแผนทำอะไรบ้าง...และบางอย่างเธอก็ต้องตัดสินใจด้วยตัวเธอเอง ด้วย.. 
  1. เธอสอบตรง..ได้เรียนในคณะหนึ่ง ของมหาวิทยาลัยศิลปากร..แล้ว (มอบตัวเสียค่าธรรมเนียมต่างๆ เรียบร้อยแล้ว แต่ไม่ตัดสิทธิ์ในการยื่นแอดมิชชั่นกลาง)
  2. เธอสอบตรง..ได้เรียนในคณะหนึ่ง ของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์..แล้ว (กำหนดมอบตัวและเสียค่าธรรมเนียมในวันที่ 7-11 ก.พ.2554 ที่จะถึงนี้ และที่สำคัญคือตัดสิทธิ์ในการยื่นแอดมิชชั่นกลาง)
  3. เธอต้องสอบ ONET ในวันที่ 19-20 ก.พ.2554 (ซึ่งมีผลนำไปใช้คำนวณการยื่นแอดมิชชั่นกลาง)
  4. เธอจะต้องสอบปลายภาคเรียนสุดท้ายปีการศึกษา 2553 วันที่ 21-25 ก.พ.2554 ให้ดีที่สุด เพื่อรักษาค่าเกรดเฉลี่ย (GPA) (ซึ่งมีผลนำไปใช้คำนวณการยื่นแอดมิชชั่นกลาง)
  5. เธอต้องวางแผนสอบ GAT/PAT อีกครั้งในวันที่ 5-8 มี.ค.2554 (เผื่ออาจได้คะแนนสูงขึ้นซึ่งมีผลนำไปใช้คำนวณการยื่นแอดมิชชั่นกลาง)
  6. ผลการสอบเข้าคณะแพทย์ศาสตร์ ของกลุ่มสถาบันแพทย์ศาสตร์แห่งประเทศไทย(กสพท.) ที่เธอสอบไว้ จะประกาศผลประมาณเดือนมีนาคม นี้
  7. เธอจะต้องยื่นคะแนน Admissions กลาง ประจำปีการศึกษา 2554 ในวันที่ 11-20 เม.ย.2554
  8. วันที่ 8 พ.ค.2554 ประกาศผล Admissions กลาง

ภาพจำลองประกอบบทความ
ที่มา : http://learners.in.th/blog/mink11/415532
ในห้วงเวลาตั้งแต่บัดนี้จนกระทั่งถึง 8 พ.ค.2554  ผมคิดว่าเป็นเวลาที่เด็ก ม.6 ทุกคน (ที่อยากเรียนในคณะยอดนิยมของมหาวิทยาลัยดัง) ล้วนทุกข์ทรมานกับการสอบ..อย่างแสนสาหัส และในบทสุดท้าย บางคนก็จะพบกับความสมหวัง แต่บางคนก็จะพบกับความผิดหวัง  จนบางครั้งผมแอบคิดในใจว่า "หากพวกเธอคิดเรียนต่อที่มหาวิทยาลัยไหนก็ได้...ที่ไม่จำเป็นต้องยอดนิยม  ก็คงไม่ต้องเครียดกันถึงขนาดนี้"
และสิ่งที่ลูกสาวผมต้องตัดสินใจก็คือ ข้อ 2 หากตัดสินใจเรียนที่ ม.เกษตรศาสตร์ แล้ว..เขาจะตัดสิทธิ์ยื่นแอดมิชชั่นกลางทันที ..สิ่งที่ดีก็คือ ความเครียดทั้งมวลของลูกสาวก็จะหายไปในทันที....
แต่มันยังไม่ใช่สิ่งที่ลูกสาวผม "ชอบที่สุด"  มันอาจจะเรียกว่าแค่ "ชอบ"  ก็ได้....เธอยังอยากลองที่จะสู้และพิสูจน์ตัวเองอีกครั้งใน กสพท. และแอดมิชชั่นกลาง...เพื่อจะตามหาสิ่งที่เธอชอบที่สุด...ดังนั้นการตัดสิทธิ์ยื่นแอดมิชชั่นกลาง...จึงไม่ยุติธรรมต่อเธอเลย.... (แต่ผมก็ไม่รู้ว่าจะช่วยเธอได้อย่างไร) 
พฤติกรรมของลูกสาวและเพื่อนๆ ของเธอ ที่ผมเล่ามานี้ อาจจะสะท้อนอะไรได้หลายอย่างในระบบการศึกษาไทย อาทิ
  • การเรียนในโรงเรียน ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 นักเรียนไม่สามารถสอบแข่งขันเข้าเรียนต่อในมหาวิทยาลัยชั้นนำของรัฐ ได้ จึงต้องอาศัยการเรียนกวดวิชาเพิ่มเติม
  • คุณภาพของการศึกษาของแต่ละสถาบัน มีความแตกต่างกัน
  • ครู อาจารย์ ที่สอนในระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย ยังขาดความสามารถในการสอนเพื่อสอบแข่งขันเข้าเรียนต่อ ส่งผลให้นักเรียนต้อง หันไปกวดวิชาเพิ่มเติมเอาเอง
  • ผู้ปกครองที่มีเงิน มีโอกาสที่จะส่งลูกเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยชั้นนำของรัฐ มากกว่าผู้ปกครองที่ไม่มีเงิน
  • ฯลฯ
สุดท้ายผมขอเป็นกำลังใจให้ลูกสาวของผม เพื่อนๆ ของเธอ และเด็ก ม.6 ทั่วประเทศทุกคน
ฝันให้ไกล ไปให้ถึง

เขียนโดย
จุฑาคเชน : 1 ก.พ.2554


Credit   http://chantrawong.blogspot.com/2011/02/blog-post.html