เมื่อวันที่ 12 มิ.ย.55 นาย ชินภัทร ภูมิรัตน 
เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) 
เปิดเผยภายหลังการประชุมผู้บริหารสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน 
(สพฐ.) ว่า 
ขณะนี้สพฐ.กำลังจัดทำแผนยุทธศาสตร์การปฏิรูปการศึกษารอบใหม่ 
เพื่อขับเคลื่อนการปฏิรูปการศึกษาในปัจจุบัน 
โดยมอบให้สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) 
เป็นหน่วยงานวิจัย และจัดทำข้อเสนอ 
ซึ่งมีประเด็นการปรับหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐานและตารางเรียน 
ที่มีนัยว่าต่อไปนักเรียนอาจจะเรียนเนื้อหาภาคบังคับน้อยลง 
คล้ายกับการเรียนในสหรัฐอเมริกา ที่ สพฐ.ได้ไปดูงาน 
พบว่าการจัดการเรียนการสอนระดับขั้นพื้นฐาน 
จะมีสัดส่วนของหลักสูตรที่เป็นแกนภาคบังคับเฉพาะช่วงชั้นต้นๆ 
หรือระดับประถมศึกษาและเมื่อช่วงชั้นปลายระดับมัธยมศึกษาจะมีความยืดหยุ่น 
มากขึ้น คือจะเรียนวิชาแกนภาคบังคับน้อยลง 
สิ่งนี้เป็นข้อคิดว่าจะต้องมีการทบทวนหลักสูตรที่เป็นแกนกลางภาคบังคับของ 
ไทยให้น้อยลง ส่วนตารางเรียนนั้นขึ้นอยู่กับข้อเสนอของทีดีอาร์ไอ 
ว่าจะต้องปรับให้น้อยลงหรือไม่ 
ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบชั่วโมงการเรียนของไทยกับประเทศอื่นต้องยอมรับว่า 
นักเรียนไทยมีชั่วโมงการเรียนมาก โดยเด็กเล็กๆ อาจจะเรียน 8 วิชา 
และจำนวนคาบค่อนข้างเยอะ ดังนั้นต้องปรับให้น้อยลงนาย ชินภัทร กล่าวต่อว่า ส่วนความคืบหน้าของการนำผลคะแนนทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติขั้นพื้นฐาน (O-NET) มาใช้ในการจบระดับชั้น ป.6 ม.3 และ ม.6 ในปีการศึกษา 2555 นั้น ขณะนี้ สพฐ.ได้จัดทำร่างประกาศและรอชี้แจงนายสุชาติธาดาธำรงเวช รมว.ศึกษาธิการ โดยร่างประกาศที่จัดทำนั้น จะให้ใช้คะแนนรวม O-NET 20% เป็นส่วนในการตัดสินผลการเรียนของนักเรียน ตามหลักสูตรแกนกลางซึ่งจะนำไปรวมกับผลการเรียนเฉลี่ยสะสมตลอดหลักสูตร (GPAX) และคิดออกมาเป็นผลการเฉลี่ยสะสม ทั้งนี้แม้คะแนน O-NET จะไม่มีผลต่อการจบระดับชั้น แต่หากนักเรียนได้คะแนนไม่ดีก็จะทำให้คะแนน GPAX ลดลงได้ ดังนั้นนักเรียนก็ยังต้องตั้งใจเรียนและทำคะแนน O-NET ให้ดี
ที่มา: หนังสือพิมพ์สยามรัฐ