เตรียมสอบ"นายสิบทหารบก"


UploadImage

 ช่วงนี้น้อง ๆ ที่มีความใฝ่ฝันอยากจะเป็น "รั้วของชาติ" ต้องตามติดข้อมูลการรับสมัครกันอย่างใกล้ชิดนะครับ เพราะทุกสถาบันเริ่มขยับเตรียม "เปิดรับสมัคร" กันแล้ว

วันนี้ขอนำอีกหนึ่งสถาบันยอดฮิตของน้อง ๆ คือ "โรงเรียนนายสิบทหารบก" มาแนะนำข้อมูลกัน

แต่ก่อนเข้าไปดูรายละเอียด มีประกาศเตือนจาก "กรมยุทธศึกษาทหารบก" ฝากมาถึงน้อง ๆ ด้วย เข้าไปดูกันเลยครับ..
-----------------------------------

เนื่องจาก ยศ.ทบ. ได้ตรวจพบว่ามีกลุ่มบุคคลผู้ไม่ประสงค์ดีได้ดำเนินการปลอมแปลงเอกสารเพื่อ ใช้ในการหลอกลวงผู้สมัครเข้าเป็นนักเรียนนายสิบทหารบก โดยให้ผู้ที่มีรายชื่อไปรายงานตัวเพื่อทดสอบร่างกายและรับฟังคำชี้แจง เพื่อรับเข้าเป็นนักเรียนนายสิบเพิ่มเติมนั้น ขอชี้แจงว่า ยศ.ทบ. ไม่ได้มีการดำเนินการขอรับนักเรียนนายสิบทหารบกเพิ่มเติมแต่อย่างใด  ขอให้อย่าหลงเชื่อกลุ่มบุคคลดังกล่าว หากผู้ใดมีเบาะแส กรุณาแจ้งให้ ยศ.ทบ. ทราบทางหมายเลขโทรศัพท์ ๐๒-๒๔๑๑๓๙๘,๐๒-๒๔๑๔๐๓๖,๐๒-๒๔๑๑๖๖๐,๐-๒๒๔๑๔๐๙๘-๙
------------------------------------------------

เส้นทางสู่นักเรียนนายสิบทหารบก

 โรงเรียนนายสิบทหารบก เป็นสถาบันที่ผลิตนายทหารชั้น ประทวนให้กับกองทัพบก มี ระยะเวลาการศึกษา 1 ปี  โดย 6 เดือนแรกจะเน้นศึกษาวิชาทหารแต่ก็จะมีวิชาการเล็กๆน้อยๆที่ร.ร.นายสิบทหารบก หลังจากนั้นจึงจะให้นักเรียนนายสิบเลือกเหล่าที่ตนเองต้องการศึกษาตามลำดับ คะแนนของ 6 เดือนแรก เพื่อแยกศึกษาต่อที่ร.ร.เหล่าใน 6 เดือนหลังและบรรจุหลังจบการศึกษา แบ่งออกเป็นจำนวน  13  เหล่า  ดังนี้

            1. เหล่าทหารราบ                  
            2. เหล่าทหารม้า                  
            3. เหล่าทหารปืนใหญ่
            4. เหล่าทหารช่าง                   
            5. เหล่าทหารสื่อสาร           
            6. เหล่าทหารขนส่ง
            7 เหล่าทหารสรรพาวุธ        
            8. เหล่าทหารพลาธิการ       
            9. เหล่าทหารการเงิน
            10. เหล่าทหารสารวัตร           
            11. เหล่าทหารแพทย์             
            12. เหล่าทหารการสัตว์
            13. เหล่าทหารการข่าว

ประเภทบุคคลที่จะรับสมัคร

          1. บุคคลพลเรือน เพศชาย อายุ 17-22 ปี (รับทั้งผู้เรียนนศท.และไม่เรียนนศท.)

          2. ทหารกองประจำการ (ทุกผลัด) ในสังกัดกองทัพบก (ไม่ต้องรอปลดประจำการ) อายุไม่เกิน 24 ปี

          3. พลทหารประจำการ ( พลอาสาสมัคร ) เพศชาย ในสังกัดกองทัพบก อายุไม่เกิน 24 ปี

          4. อาสาสมัครทหารพราน เพศชาย ในส่วนของกองทัพบก อายุไม่เกิน 24 ปี

คุณสมบัติของผู้สมัคร  

          1. สำเร็จการศึกษา มัธยมศึกษาศึกษาตอนปลาย (ม.6)  สายสามัญ สายอาชีพ หรือเทียบเท่า ตามหลักสูตรของกระทรวงศึกษาธิการ และผู้ที่กำลังรอผลการศึกษา

          2. เป็นชายไทย  อายุตั้งแต่ 17 ปี ถึง 22 ปี ( ปีที่สมัครลบปีพ.ศ.เกิด )   ไม่รับสมัครผู้ที่มีอายุครบ 21 ปีบริบูรณ์ ซึ่งต้องเข้ารับการตรวจเลือกทหารกองประจำการ และผู้ที่ขอผ่อนผันทุกกรณี     ยกเว้นผู้ที่สำเร็จการศึกษาตามหลักสูตรการฝึกวิชาทหาร ตั้งแต่ชั้นปีที่ 3  (รด.ปี 3) ขึ้นไป  ซึ่งต้องมีหลักฐานใบสำคัญ หรือหากเป็นทหารกองหนุนต้องมีใบกองหนุน (สด.8)  หรือ ใบรับรองผลการตรวจเลือกฯ (สด.43)  มาแสดงต่อกรรมการรับสมัคร

         3. ทหารกองประจำการ, พลทหารประจำการ (พลอาสาสมัคร) และ อาสาสมัครทหารพราน ในส่วนของกองทัพบก มีอายุไม่เกิน 24 ปี (ถ้าสมัครนักเรียนนายสิบเหล่าทหารราบจะต้องประจำการมาแล้วไม่ต่ำกว่า 1 ปี)

         4. มีสัญชาติไทยและบิดา มารดา มีสัญชาติไทยโดยกำเนิด แต่ถ้าบิดาเป็นนายทหารสัญญาบัตรหรือนายทหารประทวน ซึ่งมีสัญชาติไทยโดยกำเนิดแล้ว มารดาจะมิใช่เป็นผู้มีสัญชาติไทยโดยกำเนิดก็ได้

          5. มีอวัยวะ รูปร่าง ลักษณะท่าทาง และขนาดของร่างกายเหมาะแก่การเป็นทหาร ไม่เป็นโรคตามที่กำหนดไว้ในกฎหมายว่าด้วยการรับราชการทหาร

          6. เป็นชายโสด ไม่เป็นผู้บกพร่องในศีลธรรม ไม่เป็นผู้ที่มีหนี้สินล้นพ้นตัว

          7. ไม่อยู่ในสมณะเพศ

          8. ไม่เป็นผู้อยู่ในระหว่างเป็นจำเลยในคดีอาญา และไม่เคยต้องคำพิพากษาโทษจำคุก  เว้นแต่ความผิดในลักษณะลหุโทษ  หรือ ความผิดอันได้กระทำโดยประมาท

          9. ไม่เป็นผู้อยู่ในระหว่างพักราชการเนื่องจากความผิด หรือหนีราชการ

          10. ไม่เป็นผู้ถูกปลดเพราะความผิด หรือถูกไล่ออกจากราชการ

          11 ไม่เคยทุจริตในการสมัครสอบคัดเลือกเข้าเป็นนักเรียนนายสิบทหารบกมาก่อน

          12. ต้องได้รับอนุญาตจาก บิดา มารดา หรือผู้ปกครอง ให้สมัครเข้าเป็นนักเรียนนายสิบทหารบก


          13. ไม่เป็นผู้เสพยาเสพติดหรือสารเคมีเสพติดให้โทษ 

          14. ต้องว่ายน้ำได้เป็นระยะทางไม่น้อยกว่า 25 เมตร

          15. ต้องผ่านขั้นตอนการตรวจโรค ทดสอบสมรรถภาพร่างกาย ตามเกณฑ์ที่กำหนด

          16. ไม่เป็นผู้ที่ต้องเข้ารับการตรวจเลือกเป็นทหารกองประจำการ ตาม พ.ร.บ.รับราชการทหาร พ.ศ.2497  ในปีที่สมัครสอบเข้าเป็นนักเรียนนายสิบทหารบก

พิกัดขนาดร่างกาย

โรคและความพิการที่ขัดต่อการเป็นนักเรียนนายสิบทหารบก

1 ร่างกายผิดปกติ หรือวิกลรูปหรือพิการ

1 หน้าผิดรูปจนดูน่าเกลียดอย่างใดอย่างหนึ่ง ดังต่อไปนี้
  - อัมพาตที่หน้า ( Facial paralysis)
 - เนื้อกระตุก ( Tics)
- แผลเป็นหรือปานที่หน้า มีเนื้อที่ตั้งแต่ 1.5ตารางนิ้วขึ้นไปหรือมีความยาวมากจนดูน่าเกลียด
 - เนื้องอก ( Benign neoplasm) ที่หน้ามีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางตั้งแต่ 5 ซ.ม.ขึ้นไป
2 ปากผิดรูปจนดูน่าเกลียด เช่น แหว่ง หรือผิดรูปจนพูดไม่ชัด
3 ช่องปากผิดรูป หรือผิดปกติจนพูดไม่ชัด
4 ซอกคอหรือซอกรักแร้ติดกัน
5 แขน หรือ ขา
- ยาวไม่เท่ากัน หรือผิดรูปจนมองเห็นได้ชัด
- โค้งเข้าหรือออก
-  ลีบหรือบิดเก
6 มือ หรือ เท้า
- ลีบหรือบิดเก
- เท้าปุก
7 นิ้วมือ หรือ นิ้วเท้า
 - บิดเกและทำงานไม่ถนัด
 - ด้วนถึงโคนเล็บ
- มีจำนวนเกินกว่าหรือน้อยกว่าปกติ
- ช่องว่างระหว่างนิ้วหรือนิ้วเท้าติดกัน
8 คนเผือก

2 กระดูกและกล้ามเนื้อ

1 ข้อติด ( Ankylosis) หรือหลวมหลุดง่าย
2 ข้ออักเสบจนกระดูกเปลี่ยนรูป
3 คอเอียงหรือแข็งทื่อจากกระดูกหรือกล้ามเนื้อพิการ
4 กระดูกสันหลังคด หรือโก่ง หรือแอ่นจนเห็นได้ชัด
5 กระดูกอักเสบ ( Osteomyelitis )
6 กล้ามเนื้อเหี่ยวลีบหรือหดสั้น ( Atrophy or contracture )            

3 ผิวหนัง

1 โรคผิวหนังเรื้อรังซึ่งยากต่อการรักษาหรือเป็นที่น่ารังเกียจ
2 แผลเป็น ไฝ ปาน ที่ส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย มีขนาดตั้งแต่ 1.5 นิ้ว x 1.5 นิ้ว ขึ้นไปหรือมากจนดูน่าเกลียด
3 มีรอยสักบนส่วนต่างๆของร่างกาย
 4 เนื้องอกเล็ก ๆ เป็นปุ่ม ๆ ที่ผิวหนังทั้งร่างกาย ( Molluscum  fibrosum )
5 ฝังมุก

4 ตา

1 สายตาผิดปกติ แม้เพียงข้างเดียวโดยที่แก้ไขให้เป็น Spherical  Equivalent แล้ว  เกินกว่า 1.5 ไดออปเตอร์ Spherical Equivalent นั้นมีความหมายว่าในการตรวจสอบสายตานั้น ถือ  สายตาสั้นหรือยาวเป็นสำคัญ ถ้ามีสายตาเอียงร่วมด้วยจะแก้สายตาเอียงนั้นให้เป็นสายตาสั้นหรือยาว คือทำให้เป็น Spherical Equivalent ถ้าแก้สายตาสั้นหรือยาวนั้นมากกว่า 1.5 ไดออปเตอร์ ก็ถือว่าไม่สามารถเป็นนักเรียนนายสิบทหารบกได้
2 บอดสี
3 ตาเหล่ ( Squint ) จนปรากฎชัด
4 ลูกตาสั่น ( Nystagmus )
5 แก้วตาขุ่น ( Cataract )
6 กระจกตาขุ่น ( Opacity of cornea )    
7 กระจกตาอักเสบเรื้อรัง ( Chronic interstitial keratitis )
8 หนังตาแหว่งจนเสียรูป
9 หนังตาตก
10 หนังตาม้วนเข้า ( Entropion ) หรือหนังตาม้วนออก ( Ectropion )
11 ช่องหนังตา ( Palpebral fissure ) กว้างไม่เท่ากันจนดูน่าเกลียด
12 ต้อหิน

5 หู คอ จมูก

1 ใบหูผิดรูปหรือผิดขนาดจนปรากฏชัด
2 ช่องหูมีหนองเรื้อรัง
3 แก้วหูทะลุ
4 การได้ยินเสียงผิดปกติ
5 โรคหรือความพิการใด ๆ ที่ทำให้เสียงผิดปกติ
6 เพดานโหว่ หรือเพดานสูงจนพูดไม่ชัด            
7 จมูกผิดรูปจนดูน่าเกลียด เช่น บี้ หรือแหว่ง
8 ริดสีดวงจมูก ( Nasal polyp
9 ต่อมทอลซิลอักเสบเรื้อรังและโตมากในวันตรวจเพื่อรับเข้าเป็นนักเรียนนายสิบ )
10 พูดติดอ่าง

6 ฟัน

1 มีฟันไว้เคี้ยวอาหารได้ไม่ครบตามหลักเกณฑ์ คือ กำหนดฟันกราม ( Molars )และฟันกรามน้อย ( Premolars )อย่างน้อยข้างบน 6 ซี่ และข้างล่าง 6 ซี่ ฟันหน้า ( Incisors and canines )ข้างบน 4 ซี่ ข้างล่าง 4 ซี่ ฟันที่ถอนไปแล้วหากได้รับการใส่เรียบร้อยมั่นคงหรือด้วยวิธีทำสะพาน ( Bridge )จึงให้นับเป็นจำนวนซี่ได้ ฟันตามจำนวนดังกล่าวข้างต้นนั้นจะต้องไม่มีลักษณะดังนี้
 - ฟันที่เป็นรูผุที่ไม่ได้รับการอุด หรืออุดด้วยวัตถุที่ไม่ถาวร
- ฟันที่อุดหรือทำครอบไม่เรียบร้อย
 - ฟันน้ำนม
- ฟันตาย เว้นแต่คลองประสาทได้รับการอุดที่ถูกต้องแล้ว
 - ฟันยาวผิดปกติ หรือขึ้นผิดที่ หรือเกจนไม่สามารถที่จะจัดให้สบกันได้กับฟันธรรมดาหรือฟันปลอม
- มีการทำลายอย่างรุนแรงของอวัยวะที่รองรับตัวฟัน เช่น กระดูก เหงือก   เยื่อหุ้มรากฟัน
2 มีช่องว่างระหว่างฟันหน้าห่างจนดูน่าเกลียด
3 การสบของฟันที่ผิดปกติอย่างมากจนทำให้ใบหน้าผิดรูป หรือการเคี้ยวอาหารธรรมดาไม่ได้ผล
4 ถุงน้ำ ( Cysts ) การอักเสบที่เรื้อรัง หรือโรคเหงือกอักเสบอย่างรุนแรง หรือพยาธิสภาพอื่นๆ ในปาก เช่น ฟันคุด ฟันที่ยังไม่ขึ้น หรือฟันที่ขึ้นผิดที่ซึ่งสภาพการเช่นนี้ อาจทำให้เกิดอันตรายต่ออวัยวะข้างเคียงหรือสุขภาพของผู้สมัคร

7 หัวใจและหลอดเลือด

1 หัวใจพิการแต่กำเนิด ( Congenital heart disease )
2 ลิ้นหัวใจพิการ
3 หัวใจวายและมีเลือดคั่ง ( Congestive heart failure )
4 การเต้นของหัวใจผิดปกติ เร็วกว่า 100 ครั้ง/นาที หรือช้ากว่า 50 ครั้ง/นาที
5 อนิวริซึมของหลอดเลือดใหญ่
 6 หลอดเลือดดำขอดที่ขาหรือแขน ซึ่งเป็นมากจนเห็นได้ชัด

8 ระบบหายใจ


1 วัณโรคปอด ( Pulmonary tuberculosis )
2 หลอดลมอักเสบเรื้อรัง ( Chronic bronchitis )
3 หลอดลมขยายพอง ( Bronchiectasis )
4 หืดหลอดลม
5 มีน้ำหรือหนอง หรือลมในช่องเยื่อหุ้มปอด
6 หลอดลมอักเสบซึ่งกำลังปรากฏอาการฟังได้ชัดเจน

9 ระบบทางเดินอาหาร

1 ตับแข็ง ( Cirrhosis of liver )
2 ฝีที่ตับ ( Abscess of liver)
3 ดีซ่าน ( Jaundice )
4 ริดสีดวงทวารหนักที่เห็นได้ชัด
5 ฝีคัณฑสูตร ( Perianal abscess )
 6 ไส้เลื่อน

10 ระบบทางเดินปัสสาวะ อวัยวะสืบพันธุ์ รวมทั้งกามโรค

1 ไตอักเสบเรื้อรัง
2 ไตพองเป็นถุงน้ำ ( Hydronephosis or polycysfic Kidney  )
3 ไตพองเป็นถุงหนอง ( Pyonephrosis )
4 นิ่วในไตจนทำให้ไตเสื่อมสมรรถภาพอย่างถาวร ( Renal calculus with permanent impairment of renal function )
5 กล่อนน้ำ ( Hydrocele )
6 หลอดเลือดดำขอดที่ถุงอัณฑะ ( Varicocele )
7 กะเทย ( Hermaphrodism )
8 กามโรคที่ปรากฏอาการอย่างหนึ่งอย่างใด

11 ระบบจิตประสาท

1 โรคจิต  ( Psychosis  )
 2 อัมพาต  หรือการเคลื่อนไหวผิดปกติ
3 โรคลมชัก  ( Epilepsy )
 4 ปัญญาอ่อน ( Mental deficiency )
 5 ใบ้

12  ระบบต่อมไร้ท่อ

1 โรคคอพอก  ( Simple goiter  )
2 ธัยโรทอกธิโคซิส
 3 มิกซิเดมา   ( Myxedema )
 4 เบาหวาน ( Diabetes mellitus )
5 โรคอ้วนพี ( Obesity )

13 โรคของเลือดและอวัยวะก่อกำเนิดเลือด ( disease of blood and blood forming organ  ) ผิดปกติอย่างถาวรและอาจเป็นอันตราย
          
14 โรคติดเชื้อหรือโรคเกิดจากปาราสิต ( Infectious and parasitic disease )


1 โรคเรื้อน
2 โรคเท้าช้างที่ปรากฏอาการ
3 วัณโรคของอวัยวะอื่น
4 โรคคุดทะราด หรือ รองพื้น  ( Yaws )
5 โรคติดต่ออันตราย

15 เนื้องอก

1 เนื้องอกไม่ร้าย ( Benign neoplasm ) ที่มีขนาดใหญ่
2 เนื้องอกร้าย ( Malignant neoplasm ) ไม่ว่าจะเป็นแก่อวัยวะใด
           
16 โรคพิษสุราเรื้อรังหรือติดยาเสพติดให้โทษ

17 โรคหรือความพิการใด ๆ ซึ่งมิได้ระบุไว้ แต่คณะกรรมการแพทย์เห็นว่าไม่สมควรรับเป็นนักเรียนนายสิบทหารบก

18 โรคเอดส์

คะแนนเพิ่มพิเศษสำหรับผู้สมัคร


1. ผู้สำเร็จหลักสูตรการฝึกวิชาทหารชั้นปีที่ 1 ถึงชั้นปีที่ 5
2. บุตรของผู้ที่ได้รับพระราชทานเหรียญดุษฎีมาลา เข็มกล้าหาญ หรือเหรียญกล้าหาญ
3. บุตรของทหาร ข้าราชการ หรือคนงาน  ซึ่งต้องประสบอันตรายถึงทุพพลภาพ  ในขณะปฏิบัติราชการในหน้าที่  หรือถูกประทุษร้ายเพราะเหตุกระทำการตามหน้าที่  หรือต้องบาดเจ็บถึงตายเพราะเหตุนั้น  ซึ่งได้รับบำเหน็จบำนาญพิเศษ  ตามกฎหมายว่าด้วยบำเหน็จบำนาญข้าราชการ  หรือได้รับเงินค่าทำขวัญตามข้อบังคับกระทรวงกลาโหม ว่าด้วยคนงาน
4. บุตรของทหาร ข้าราชการ หรือคนงาน ซึ่งได้กระทำหน้าที่ในระหว่างเวลาที่มีการรบ หรือสงคราม  หรือ มีการปราบปรามการจลาจล  หรือในระหว่างที่มีพระบรมราชโองการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ซึ่งมีสิทธิได้นับเวลาราชการเป็นทวีคูณตามกฎหมายว่าด้วยบำเหน็จบำนาญข้า ราชการ
5. นักกีฬาทีมชาติ  นักกีฬาทีมเขต (กีฬาแห่งชาติ)       นักกีฬาทีมเยาวชนแห่งชาติ นักกีฬาเขตการศึกษา  นักกีฬาทีมสโมสร ( เฉพาะถ้วย ก. )   และนักกีฬากองทัพบก    ซึ่งออกให้โดย   คณะกรรมการบริหารโอลิมปิกแห่งชาติ    การกีฬาแห่งประเทศไทย    กรมพลศึกษา    สมาคมการกีฬาแต่ละประเภท    หรือสำนักงานคณะกรรมการพัฒนากีฬากองทัพบก
6. ทหารกองประจำการที่ปฏิบัติหน้าที่ราชการสนาม  ไม่น้อยกว่า    ๑๒๐  วัน ก่อนวันที่จะสมัครเข้ารับการสอบคัดเลือก

จำนวนที่รับ

          1. บุคคลพลเรือน 1188 นาย

          2. กองหนุน/พลอาสาสมัคร/ทหารกองประจำการ/อาสาสมัครทหารพราน 792 นาย

          3. นักเรียนนายสิบเหล่าทหารราบ 600 นาย

กำหนดการรับสมัคร  จะเริ่มจำหน่ายระเบียบการประมาณเดือน ธ.ค. และจะเริ่มรับสมัครประมาณปลายเดือน ม.ค. โดยการรับสมัครจะมีคณะกรรมการไปรับสมัครทั้งส่วนภูมิภาคและส่วนกลาง ดังนี้

          - กองทัพภาคที่ 3 จ.พิษณุโลก
          - กองทัพภาคที่ 2 จ.นครราชสีมา
          - มทบ.24 จ.อุดรธานี
          - กองทัพภาคที่ 4 จ.นครศรีธรรมราช
          - กรมยุทธศึกษาทหารบก กทม.

วิชาที่สอบ


- ภาควิชาการ รอบแรกสอบ 4 วิชา ได้แก่ คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ ภาษาไทย และภาษาอังกฤษ
- ภาคพลศึกษา รอบที่สอง ได้แก่
 - ทดสอบสมรรถภาพทางร่างกาย (ต้องผ่านเกณฑ์ต่ำสุดทุกสถานี และรวมกันเกิน 50%)
- ดึงข้อ เกณฑ์ขั้นต่ำ 3 ครั้ง เกณฑ์50% 7 ครั้ง เกณฑ์100% 15 ครั้ง
- ดันพื้น(2นาที) เกณฑ์ขั้นต่ำ 10 ครั้ง เกณฑ์50% 34 ครั้ง เกณฑ์100% 84 ครั้ง
- ลุกนั่ง(30วินาที) เกณฑ์ขั้นต่ำ 11 ครั้ง เกณฑ์50% 21 ครั้ง เกณฑ์100% 38 ครั้ง
 - วิ่ง1,000ม. เกณฑ์ขั้นต่ำ 4.45 นาที เกณฑ์50% 4.15 นาที เกณฑ์100% 3.25 นาที
- ว่ายน้ำ 25 เมตร ภายใน 2 นาที
- ตรวจโรค ประวัติิอาชญากรรม สัมภาษณ์ ความสมบูรณ์ของร่างกาย

สิทธิประโยชน์ของนักเรียนนายสิบทหารบก

          1. ไม่เสียค่าใช้จ่าย (ยกเว้นค่าใช้จ่ายส่วนตัว)
          2. ได้รับการแจกจ่ายเครื่องแบบ และเครื่องใช้ส่วนตัว ตลอดการศึกษา
          3. ได้รับเบี้ยเลี้ยงวันละ 75 บาท (เป็นค่าอาหารที่ร.ร.)
          4. ได้รับเงินเดือน เดือนละ 3,070 บาท

สิทธิเมื่อจบการศึกษา

1. บรรจุเข้ารับราชการและแต่งตั้งยศเป็น สิบตรี รับเงินเดือนระดับ ป.1 ชั้น 6 จำนวน 6,140 บาท

2. ผู้มีผลการศึกษาดี มีคะแนนเฉลี่ยตั้งแต่ 3.50 และคะแนนรายวิชาไม่ต่ำกว่า 3.00 มีความประพฤติเรียบร้อย คะแนนความประพฤติตั้งแต่ร้อยละ 80 ขึ้นไปถ้านักเรียนผู้นั้นสมัครใจ ให้ได้รับสิทธิ์เข้าศึกษาในโรงเรียนเตรียมทหารหรือโรงเรียนนายร้อยพระจุล จอมเกล้า ทั้งนี้ จำนวนและหลักเกณฑ์การพิจารณาให้เป็นไปตามที่กองทัพบกกำหนดหากผู้ได้รับการ คัดเลือกตามหลักเกณฑ์ดังกล่าวสละสิทธิ์ หรือไม่สามารถเข้ารับการศึกษาในโรงเรียนเตรียมทหารหรือโรงเรียนนายร้อยพระ จุลจอมเกล้าได้ ให้ผู้ที่สอบได้ลำดับรองลงไปที่มีคุณสมบัติดังกล่าวข้างต้นได้รับสิทธิ์ใน โรงเรียนเตรียมทหารหรือโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้าแทน โดยให้โรงเรียนนายสิบทหารบกเป็นผู้พิจราณาคัดเลือกแล้วรายงานกรมยุทธศึกษา ทหารบก (ปัจจุบันคือ 18 นาย)

3. เมื่อรับราชการครบ 6 ปี และมีวุฒิปริญญาตรีตามที่กองทัพต้องการ สามารถสอบเลื่อนฐานะเป็นนายทหารชั้นสัญญาบัตรได้

สอบถามข้อมูลได้ที่  http://www.facebook.com/theroadtosoldierpoliceth