ม.ปลาย รับ GAT PATสุดยาก หลอกเยอะ ออกไม่ตรงที่เรียน

UploadImage

“สวนดุสิตโพล” มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต สำรวจความคิดเห็นของนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย กรณี การสอบ โอเน็ต-แกต-แพท  โดยการสำรวจเชิงปริมาณที่ใช้วิธีการสัมภาษณ์เจาะลึกจากทุกภูมิภาคทั่วประเทศ เพื่อให้ได้แนวทางในการแก้ปัญหาและพัฒนาคุณภาพการศึกษาไทย

โดย นักเรียนให้ความสำคัญต่อการสอบทางการศึกษาแต่ละระดับแตกต่างกันดังนี้


1.ระดับชาติขั้นพื้นฐาน(โอเน็ต )ระบุว่า ให้ความสำคัญมากร้อยละ 63.40  ค่อนข้างให้ความสำคัญ ร้อยละ28.35

2.ความถนัดทั่วไป(แกต) ระบุว่า ให้ความสำคัญมากร้อยละ 64.94  ค่อนข้างให้ความสำคัญ 25.53

3.ความถนัดทางวิชาการ(แพท) ระบุว่า ให้ความสำคัญมากร้อยละ 59.59ค่อนข้างให้ความสำคัญ 27.93

ความเห็นในเรื่องของสาเหตุจากการสอบโอเน็ต-แกต-แพท แล้วได้คะแนนต่ำ มีดังนี้

1.ระดับชาติขั้นพื้นฐาน(โอเน็ต ) ระบุว่า ข้อสอบยาก/เนื้อหาโรงเรียนสอนกับข้อสอบที่ออกมาไม่ตรงกันร้อยละ 70.29 , ตัวเด็กเองไม่เต็มที่กับการสอบ ไม่ตั้งใจอ่านหนังสือ ขาดการเอาใจใส่ ร้อยละ 25.94

2.ความถนัดทั่วไป(แกต) ระบุว่า คำตอบในข้อสอบมีความเป็นไปได้เกือบทุกข้อ โจทก์หลอกเยอะร้อยละ 74.50 , ขึ้นอยู่กับความตั้งใจ การทบทวนและพยายามทำความเข้าใจกับเนื้อหาที่เรียนร้อยละ 22.50

3.ความถนัดทางวิชาการ(แพท) ระบุว่า วิชาที่สอบเฉาะทางยาก เน้นการวิเคราะห์มากเกินไป ร้อยละ 77.07 , ในโรงเรียนเน้นวิธีการสอนแบบท่องจำมากกว่าให้เด็กหัดคิดวิเคราะห์เอง ร้อยละ 20.54

สำหรับความเห็นที่ว่า ควรปฏิบัติอย่างไร ให้การทดสอบ โอเน็ต-แกต-แพท    จึงจะได้คะแนนสูง มีดังนี้

1.ระดับชาติขั้นพื้นฐาน(โอเน็ต ) ตัวเด็กเองต้องมีความตั้งใจในการทำข้อสอบ ทบทวนบทเรียนให้มากขึ้นกว่าเดิมร้อยละ 69.97 , ช่วงใกล้สอบ ทางโรงควรจัดให้มีการติวสำหรับเด็ก ร้อยละ 16.31

2.ความถนัดทั่วไป(แกต) พยายามทำความเข้าใจกับเนื้อหาของข้อสอบ ค่อยๆอ่าน ไม่รีบร้อน ร้อยละ 64.50 , โรงเรียนควรปรับวิธีการสอน นำเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับความรู้ทั่วไปมาสอนเพิ่มเติม ร้อยละ 19.08

3.ความถนัดทางวิชาการ(แพท) ระบุว่า ตัวเด็กเองต้องขยัน ตั้งใจเรียน ตั้งใจอ่านหนังสือ หมั่นทบทวนอย่างสม่ำเสมอ ร้อยละ 67.52 , ทางโรงเรียนควรเชิญเจ้าหน้าที่ของสทศ.มาให้คำแนะนำหรือการเตรียมตัวก่อนสอบ ร้อยละ 18.31

ความเห็นที่ว่า โรงเรียนควรปฏิบัติอย่างไร ให้การทดสอบ โอเน็ต-แกต-แพท    จึงจะได้คะแนนสูง มีดังนี้

1.ระดับชาติขั้นพื้นฐาน(โอเน็ต ) ทางโรงเรียนจัดให้มีการเรียนพิเศษนอกเหนือจากเวลาเรียนร้อยละ 67.53 , ตัวครูเองควรทุมเท สละเวลาให้กับเด็กมากกว่านี้ / มีความรู้ความสามารถร้อยละ 25.83

2.ความถนัดทั่วไป(แกต) ทางโรงเรียนต้องหาข้อสอบหรือแบบฝึกหัดที่เน้นการวิเคราะห์มาให้เด็กทำร้อยละ 66.17 , โรงเรียนต้องพัฒนา ปรับปรุงวิธีการเรียนการสอนให้เข้ากับการสอบร้อยละ 22.89

3.ความถนัดทางวิชาการ(แพท)ทางโรงเรียนจัดให้มีการเรียนพิเศษนอกเหนือจากเวลา เรียนร้อยละ 67.53 , เชิญผู้มีความรู้และมีประสบการณ์ในการสอบมาพูดให้ฟัง เช่น รุ่นพี่ เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องร้อยละ 22.92


ความเห็นที่ว่า กระทรวงศึกษาฯ และ สทศ.ควรปฏิบัติอย่างไร การทดสอบ โอเน็ต-แกต-แพท จึงจะได้คะแนนสูง มีดังนี้

1.ระดับชาติขั้นพื้นฐาน(โอเน็ต ) ออกข้อสอบให้ตรงกับเนื้อหาที่เรียนในชั้นเรียนร้อยละ 47.63 , ควรมีนโยบายหรือมาตรฐานในการสอบให้เหมาะสมกับสภาพของแต่ละโรงเรียนร้อยละ 42.32

2. ความถนัดทั่วไป(แกต) ออกข้อสอบที่ชัดเจน เข้าใจง่าย ไม่ซับซ้อนร้อยละ 59.39จำนวนข้อสอบโจทก์ที่ถามควรมีความเหมาะสมกับเวลาที่กำหนด ให้เด็กมีเวลาทดทวนข้อสอบร้อยละ 33.67

3.ความถนัดทางวิชาการ(แพท) ออกข้อสอบที่ชัดเจน เข้าใจง่าย ไม่ซับซ้อน ไม่ต้องใช้การคิดวิเคราะห์มากเกินไป ร้อยละ 56.03 , การบริการด้านข้อมูล ให้คำปรึกษาแนะนำที่เป็นประโยชน์แก่การสอบ ร้อยละ 37.35

ความเห็นสุดท้ายในเรื่องของ กรณีที่มีกระแสว่า อยากจะให้คะแนนสอบโอเน็ต แทนคะแนนสอบปลายภาค ม.3-ม.6

1.ไม่เห็นด้วย ร้อยละ 73.86โดยให้เหตุผลว่า ข้อสอบยากกว่าข้อสอบปลายภาค ไม่ตรงกับเนื้อหาที่เรียน และกลัวสอบตก

2.เห็นด้วยร้อยละ 26.14โดยให้เหตุผลว่า เป็นการสอบระดับชาติที่วัดคุณภาพการศึกษาไทย ทุกคนมีโอกาสและสิทธิเท่าเทียมกัน และ จะได้เตรียมสอบได้ถูก 

จากความเห็นดังกล่าวพอจะสรุปได้ว่า การสอบ โอเน็ต แกต แพท ยังคงมีความยุ่งยาก ซับซ้อน ไม่ตรงกับเนื้อหาที่เรียนมา ทำให้เด็กสอบได้คะแนนน้อยหรือไม่ได้ตามเป้าหมาย ตัวเด็กเองยังมีความคิดที่จะมุ่งมั่นตั้งใจเรียน และ อยากได้ติวเตอร์หรือให้ทางโรงเรียนจัดการเรียนพิเศษ และยังอยากให้หน่วยงานที่รับผิดชอบออกข้อสอบตรงกับที่เรียนมา ไม่ซับซ้อนจนเกินไปและ ยังสามารถให้เด็กมีเวลาทบทวนข้อสอบได้

อย่างไรก็ตาม เด็กๆไม่เห็นด้วยที่จะนำเอาการสอบ โอเน็ต ไปแทนคะแนนสอบกลางภาค เนื่องส่วนใหญ่ยังเห็นว่า ข้อสอบโอเน็ตมีความยากกว่า ไม่ตรงกับเนื้อหาที่เรียน จึงกลัวสอบตกนั่นเอง.:เดลินิวส์ออนไลน์