วันนี้ (23เม.ย.) น.ส.อุษณีย์ วัฒนพันธ์
รองผู้อำนวยการสำนักวิชาการและมาตรฐานการศึกษา
สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(สพฐ.)
ในฐานะหัวหน้าสถาบันการแปลและการส่งเสริมภาษาจีน เปิดเผยว่า
ปัจจุบันเศรษฐกิจของประเทศจีนเข้มแข็ง
และเติมโตขึ้น
ขณะที่เศรษฐกิจของประเทศทางฝั่งตะวันตกเริ่มอ่อนตัวลง ส่งผลให้ประเทศต่าง ๆ
หันมาเรียนภาษาในภูมิภาคอาเซียนเพิ่มมากขึ้นโดยเฉพาะจีน ญี่ปุ่นและเกาหลี
ขณะที่ภาษาของประเทศทางฝั่งตะวันตก
โดยเฉพาะภาษาฝรั่งเศสมีสนใจคนเรียนน้อยลงอย่างเห็นได้ชัด
รองผอ.สำนักวิชาการและมาตรฐานการศึกษา กล่าวต่อไปว่า
อย่างไรก็ตามปัจจุบัน โรงเรียนสังกัดสพฐ. สอนภาษาต่างประเทศทั้งหมด 11
ภาษาได้แก่ จีน เกาหลี ญี่ปุ่น ฝรั่งเศส เยอรมัน สเปน รัสเซีย อาหรับ พม่า
เวียดนาม เขมร
ไม่นับรวมภาษาอังกฤษเพราะถือเป็นวิชาบังคับที่ทุกคนต้องเรียน
โดยภาษาที่มีผู้นิยมเรียนมากที่สุดขณะนี้คือภาษาจีน รองลงมาคือญี่ปุ่น
และเกาหลี มีโรงเรียนเปิดสอนภาษาจีนประมาณ 700 โรงเรียน
มีนักเรียนประมาณเกือบ 300,000 คน ญี่ปุ่น มีโรงเรียนสอนประมาณ 175
โรงเรียน มีนักเรียนประมาณ 34,000 คน
และภาษาเกาหลีที่เพิ่งเปิดสอนไปเมื่อปีการศึกษา 2553
แต่กลับมีผู้สนใจเรียนมากถึง 12,000 คน
“
ทั้งนี้การรวมตัวเป็นประชาคมอาเซียนถือเป็นปัจจัยสำคัญอีกประการหนึ่งที่ส่ง
ผลให้คนหันมาเรียนภาษาในแถบประเทศอาเซียนมากขึ้น
ซึ่งไม่ใช่แค่คนในภูมิภาคนี้เท่านั้นที่สนใจเรียนภาษาของประเทศเพื่อนบ้าน
แม้แต่คนตะวันตกเองก็หันมาสนใจเรียนภาษาจีนจำนวนมาก
ขณะที่ภาษาฝรั่งเศสที่เดิมเด็กไทยจะสนใจเรียนมากควบคู่กับภาษาอังกฤษ
แต่จากสถิติตั้งแต่ปีการศึกษา 2550-2554
พบว่ามีคนสนใจเรียนภาษาฝรั่งเศสน้อยลง
โดยปัจจุบันมีโรงเรียนสังกัดสพฐ.ที่สอนยังสอนภาษาฝรั่งเศสเพียง 221
โรงเรียน มีผู้เรียน 35,490 คน และมีครูที่สอนภาษาฝรั่งเศสเพียง 383 คน
จากเดิมโรงเรียนในสังกัดสพฐ.เกือบทุกโรงเรียนจะสอนภาษาฝรั่งเศสเป็นวิชา
เลือก
แต่หลังจากที่มีคนสนใจเรียนน้อยลงทำให้โรงเรียนต้องเลิกสอนภาษาฝรั่งเศสไป
เป็นจำนวนมากเพราะไม่มีคนเรียน”น.ส.อุษณีย์กล่าว.